โครงสร้างการจัดการ
โครงสร้างการบริหารของบริษัท ประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 6 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริษัทฯ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยมีรายชื่อ และขอบเขต อำนาจ และหน้าที่ ดังนี้
ประกอบด้วยกรรมการ 9 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริษัท
1. นายบัญชา องค์โฆษิต(1) | ประธานกรรมการ, ประธานกรรมการบริหาร |
2. พลโทนายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ, ประธานคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน |
3. นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ, กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน, ประธานคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
4. นายปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ, กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
5. แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | กรรมการ, ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ |
6. นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต(1) | กรรมการ, รองประธานกรรมการบริหาร, กรรมการกำกับดูแลกิจการ |
7. นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
8. นายพิธาน องค์โฆษิต์(1) | กรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (ระดับจัดการ) |
9. นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ, คณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
หมายเหตุ : (1)กรรมการที่เป็นผู้บริหาร
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทฯประกอบด้วย นายบัญชา องค์โฆษิต นายปัญจะ เสนาดิสัย แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ และ นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการสองในหกคนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัทฯ
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนด นิยามความเป็นอิสระของกรรมการ ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
บทบาทและหน้าที่ของประธานกรรมการ
ประธานกรรมการในฐานะผู้นำของคณะกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดวาระการประชุม ให้รายละเอียดข้อมูล ต่อกรรมการ เป็นผู้ดำเนินการประชุม เพื่อเปิดโอกาสให้กรรมการแต่ละท่านสามารถเสนอเรื่องต่างๆและเสนอความคิดเห็นใดๆ ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ
ประธานกรรมการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยการสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสรับฟังทุกความคิดเห็นที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัท นอกจากนี้ ประธานฯ จะเป็นผู้ตอบคำถามของผู้ถือหุ้นในประเด็นที่สำคัญๆของบริษัท หรือในประเด็นที่ผู้ถือหุ้นมีข้อสงสัย
แม้ว่าประธานกรรมการจะไม่ใช่กรรมการอิสระ แต่จากการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเห็นว่าโครงสร้างดังกล่าวมีความเหมาะสมกับลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทฯและเป็นจุดแข็งที่ช่วยส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากประธานกรรมการเป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีในการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้า (PCB) เข้ามาในประเทศไทยเป็นรายแรก จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการผลิต PCB มาอย่างยาวนาน และสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นส่วนน้อย มาโดยตลอด
ประธานกรรมการไม่มีอำนาจเหนือกว่ากรรมการท่านอื่นๆ ดังกฎหมายบริษัทมหาชนได้ระบุหน้าที่ความรับผิดชอบเพิ่มเติมของประธานกรรมการบริษัทฯ ไว้ดังนี้
นอกจากหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะกรรมการแล้ว ประธานได้ยึดมั่นในจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีอยู่เสมอ เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ
คณะกรรมการบริษัทฯ เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร ซึ่งประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหารระดับสูงจากฝ่ายจัดการ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
1) นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการบริหาร |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | รองประธานกรรมการบริหาร |
3) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ |
4) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ยน | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการผลิต |
5) นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและบริหาร |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
คณะกรรมการบริษัทฯ เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบประกอบด้วยกรรมการอิสระทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยคุณสมบัติและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบกำหนดไว้ โดยจะปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารกิจการต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกคน
คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วยกรรมการ 3 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการตรวจสอบ
1) นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการตรวจสอบ |
2) พลโทนายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | กรรมการตรวจสอบ |
3) นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการตรวจสอบ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ 3 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
1. พลโทนายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | ประธานกรรมการ |
2. นายปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
3. นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ในการสรรหา
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ในการกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ โดยแต่งตั้งจากกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูงจากส่วนงานต่างๆ โดยมีกรรมการอิสระเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการนี้
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
1) นางจันทิมา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการ |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
3) นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี | กรรมการ และเลขานุการฯ |
4) นายวิบูรณ์ สุนทรวิวัฒน์ | กรรมการ |
โดยมีนายไพฑูรย์ ทวีผล เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 10/2559 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยแต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้าร่วมเป็นกรรมการ
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
1) นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการ |
2) นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ |
3) นายปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
4) นายพิธาน องค์โฆษิต | กรรมการ |
5) นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ |
นายสมชาย อาจรักษา | เลขานุการฯ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ โดยแต่งตั้งจากผู้บริหารระดับสูงจากฝ่ายจัดการของส่วนงานทุกฝ่ายของบริษัทฯ และมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประธานกรรมการ
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
1) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานกรรมการ |
2) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ยน | กรรมการ |
3) นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี | กรรมการ |
4) นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
5) นายวิบูรณ์ สุนทรวิวัฒน์ | กรรมการ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
สรุปการดำรงตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการชุดต่างๆ
รายชื่อกรรมการ | คณะกรรมการ บริษัท |
คณะกรรมการ ตรวจสอบ |
คณะกรรมการ สรรหาและ กำหนดค่าตอบแทน |
คณะกรรมการ กำกับดูแลกิจการ |
คณะกรรมการ นโยบายการบริหาร ความเสี่ยงองค์กร |
นายบัญชา องค์โฆษิต | C | - | - | - | - |
พลโทนายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | M | M | C | - | - |
นายไพฑูรย์ ทวีผล | M | C | M | - | C |
นายปัญจะ เสนาดิสัย | M | - | M | - | M |
แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | M | - | - | C | - |
นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | M | - | - | M | - |
นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | M | - | - | - | M |
นายพิธาน องค์โฆษิต | M | - | - | - | M |
นายครรชิต บุนะจินดา | M | M | - | - | M |
หมายเหตุ :
C – Chairman ประธาน
M – Member กรรมการ
สรุปการเข้าร่วมประชุมของกรรมการ ในปี 2559
รายชื่อกรรมการ |
การเข้าร่วมประชุม (ครั้ง) | ||||
คณะกรรมการ
บริษัทฯ |
คณะกรรมการ ตรวจสอบ |
คณะกรรมการ สรรหาและ กำหนดค่าตอบแทน |
คณะกรรมการ กำกับดูแลกิจการ |
คณะกรรมการ นโยบายการบริหาร ความเสี่ยง |
|
นายบัญชา องค์โฆษิต | 12 / 12 | - | - | - | - |
พลโทนายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | 11 / 12 | 4 / 4 | 2 / 2 | - | - |
นายไพฑูรย์ ทวีผล | 12 / 12 | 4 / 4 | 2 / 2 | - | 2 / 2 |
นายปัญจะ เสนาดิสัย | 12 / 12 | - | 2 / 2 | - | 2 / 2 |
แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | 12 / 12 | - | - | 4 / 4 | - |
นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | 12 / 12 | - | - | 4 / 4 | - |
นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | 12 / 12 | - | - | - | 2 / 2 |
นายพิธาน องค์โฆษิต | 12 / 12 | - | - | - | 2 / 2 |
นายครรชิต บุนะจินดา | 8 / 12 | 3 / 4 | - | - | 2 / 2 |
นายครรชิต บุนะจินดา ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2559
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีผู้บริหารจำนวน 9 ท่าน ดังนี้
1) นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการบริหาร |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | รองประธานกรรมการบริหาร/ ผู้อำนวยการสำนักบริหาร |
3) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ |
4) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ย | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฎิบัติการผลิต |
5) นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและบริหาร |
6) นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ |
7) นายธีระพร ใจซื่อดี | ผู้อำนวยการฝ่ายซ่อมบำรุง |
8) นายไพโรจน์ ธาราวัชรศาสตร์ี | ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม |
9) นายสุนัน ศรีเพชร์ | ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการผลิต |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของกรรมการผู้จัดการ
กรรมการผู้จัดการมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารบริษัทฯ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และจะต้องบริหารบริษัทฯตามแผนงานหรืองบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ สุจริตและระมัดระวัง รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด รวมไปถึงอำนาจหน้าที่ในเรื่องหรือกิจการต่างๆ ดังต่อไปนี้
เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้ง นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี เป็นเลขานุการบริษัท เพื่อช่วยดูแลกิจกรรมของคณะกรรมการบริษัทในการดูแลบริหารกิจการให้ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้เลขานุการบริษัทรับผิดชอบดำเนินการดังต่อไปนี้ ในนามของบริษัทฯหรือคณะกรรมการ
ประวัติโดยสังเขปของเลขานุการบริษัท
นาง ธัญรัตน์ เทศน์สาลี้
วาระการดำรงตำแหน่ง
กรรมการแต่ละท่านมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และจำกัดจำนวนปีในการดำรงตำแหน่งของกรรมการอิสระไว้ไม่เกิน 9 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป และไม่มีผลย้อนหลังสำหรับกรรมการอิสระที่ดำรงตำแหน่งก่อนการแต่งตั้งกรรมการในปี 2556 โดยตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดและข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่ง 1 ใน 3 ถ้าจำนวนกรรมการที่จะออกแบ่งให้ตรงเป็น 3 ส่วนไม่ได้ ก็ให้ออกโดยจำนวนใกล้เคียงที่สุดกับส่วน 1 ใน 3 โดยให้กรรมการคนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นผู้ออกจากตำแหน่ง และกรรมการที่ออกจากตำแหน่งนั้นมีสิทธิได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการมีนโยบายให้วาระของกรรมการตรวจสอบสอดคล้องกับวาระการเป็นกรรมการบริษัท
หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหากรรมการโดยมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้ารับการคัดเลือก และเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสรรหาคัดเลือก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ของบริษัท ในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ จะพิจารณาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจากช่องทางต่างๆ เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย กรรมการของบริษัทฯ เสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการ พิจารณาจากทำเนียบกรรมการ (Director pool) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และจากช่องทางอื่นๆ ที่คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาเห็นสมควร
การสรรหากรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
คณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาในเบื้องต้นในการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสม มีความรู้ความสามารถและประสพการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ และนำเสนอต่อคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาอนุมัติ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติต่อไป
การสรรหาผู้บริหาร
สำหรับการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารของบริษัทฯ นั้น คณะกรรมการบริษัทได้ให้อำนาจประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสมกับตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมถึงมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยการคัดเลือกเป็นไปตามระเบียบในการสรรหาบุคคลของฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาหลักเกณฑ์และรูปแบบค่าตอบแทนของกรรมการและผู้บริหารระดับสูง โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมที่สะท้อนถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และความเหมาะสมที่เชื่อมโยงกับความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ผลประกอบการ ปัจจัยแวดล้อมอื่น ตลอดจนพิจารณาเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของบริษัทอื่นที่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยนำผลสำรวจค่าตอบแทนกรรมการที่จัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) มาประกอบการพิจารณาเปรียบเทียบด้วย
ในปัจจุบัน รูปแบบของค่าตอบแทนกรรมการมี 2 ประเภท คือค่าเบี้ยประชุม และค่าตอบแทนประจำปี ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนได้พิจารณาทบทวนค่าตอบแทนกรรมการและนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาเห็นชอบและนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีทุกปี ค่าตอบแทนกรรมการ ในปี 2558 และ ปี 2559 ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 32/2558 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 และ ครั้งที่ 33/2559 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 แล้ว ตามลำดับ
คณะกรรมการบริษัท
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าตอบแทนรายปี(บาท) | ค่าเบี้ยประชุม(บาท) | ||
ปี 2559 | ปี 2558 | ปี 2559 | ปี 2558 | |||
1 | นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการ | 1,600,000 | 1,600,000 | 420,000 | 420,000 |
2 | พลโท นายแพทย์สุปรีชาโมกขะเวส | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
3 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
* | นางอุบล จิระมงคล | กรรมการ | 0 | 800,000 | 120,000 | 360,000 |
4 | นายปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
5 | แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
6 | นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
7 | นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
8 | นายพิธาน องค์โฆษิต | กรรมการ | 800,000 | 800,000 | 360,000 | 360,000 |
9 | นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ | 800,000 | 0 | 240,000 | 0 |
รวมทั้งสิ้น | 8,000,000 | 8,000,000 | 3,300,000 | 3,300,000 |
* นางอุบล จิระมงคล หมดวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559
คณะกรรมการตรวจสอบ
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าตอบแทนรายปี(บาท) | ค่าเบี้ยประชุม (บาท) | ||
ปี 2559 | ปี 2558 | ปี 2559 | ปี 2558 | |||
1 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการ | 460,000 | 600,000 | 105,000 | 0 |
2 | พลโท นายแพทย์สุปรีชา โมกขะเวส | กรรมการ | 380,000 | 500,000 | 90,000 | 0 |
* | นางอุบล จิระมงคล | กรรมการ | 0 | 500,000 | 0 | 0 |
3 | นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ | 380,000 | 0 | 90,000 | 0 |
รวมทั้งสิ้น | 1,220,000 | 1,600,000 | 285,000 | 3,300,000 |
* นางอุบล จิระมงคล หมดวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559
คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการผู้จัดการ (CEO) เพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติ ซึ่งเป็นไปตามหลักการและนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด โดยค่าตอบแทนดังกล่าวในระยะยาว ได้กำหนดตามโครงสร้างค่าตอบแทนของบริษัทฯ และพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อมูลการสำรวจการจ่ายค่าตอบแทนจากสถาบันที่ได้รับความเชื่อถือ ส่วนค่าตอบแทนในระยะสั้น ในรูปแบบของเงินเดือนและโบนัสประจำปี พิจารณาอัตราเงินเฟ้อ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมทั้งพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานของ CEO และภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
กรรมการผู้จัดการจะเป็นผู้พิจารณาค่าตอบแทน และการปรับค่าจ้างประจำปีของผู้บริหาร โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารแต่ละท่าน ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ (Plant KPI)
ผลตอบแทนแก่ผู้บริหาร เงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีดังนี้
ประเภทค่าตอบแทน | ปี 2559 | ปี 2558 | ||
จำนวนราย | จำนวนเงิน (บาท) | จำนวนราย | จำนวนเงิน (บาท) | |
เงินเดือน | 7 | 21,605,384 | 8 | 23,679,660 |
โบนัส/ เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ | 7 | 5,451,349 | 8 | 5,097,514 |
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (โครงการ ESOP-W5) จำนวน 10,000,000 หน่วย ให้แก่กรรมการผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ใบสำคัญแสดงสิทธิโครงการ ESOP-W5 คงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 337,000 หน่วย
การกำกับดูแลกิจการที่ดี หมายถึง การจัดโครงสร้าง และกลไกการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี จะช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว อันนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น และร่วมสร้างประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
เคซีอี ได้กำหนดนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานทุกคน ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อส่งเสริมให้เคซีอีเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ มีการกำกับดูแลกิจการและการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
การจัดโครงสร้าง และกลไกการบริหารจัดการดังกล่าว สะท้อนหลักการที่สำดัญดังต่อไปนี้
คณะกรรมการบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อันเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และร่วมสร้างประโยชน์ที่สมดุลสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว คณะกรรมการบริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการโดยมีหลักการและแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้มีการสื่อสารให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทได้รับทราบและถือปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยครอบคลุมเนื้อหา 5 หมวด ดังนี้
1. สิทธิของผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ มีนโยบายปกป้องและรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกกลุ่มให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ทั้งในฐานะนักลงทุนในหลักทรัพย์และฐานะเจ้าของบริษัท ปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รายย่อย ผู้ถือหุ้นต่างชาติ หรือนักลงทุนสถาบันด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันตามข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการปกป้องและรักษาสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยได้กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถือหุ้นไว้ดังนี้
2. การประชุมผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นมีโอกาสอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และออกเสียงลงมติในที่ประชุม โดยมีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกราย และจะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการจำกัดสิทธิในการเข้าถึงสารสนเทศของบริษัท หรือการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทมีการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นดังต่อไปนี้
ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น
วันประชุมผู้ถือหุ้น
หลังการประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของผู้ถือหุ้นและมีการปฎิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ความเชื่อ ความคิดเห็นทางการเมือง บริษัทฯ มีนโยบายการปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือรายย่อย ผู้ถือหุ้นต่างชาติ หรือนักลงทุนสถาบัน ให้ได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในการใช้สิทธิ และได้ดำเนินการต่างๆ ดังนี้
1. เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะในการเข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น
เพื่อรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้ด้วยตนเอง บริษัทฯเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้บุคคลอื่นหรือกรรมการอิสระของบริษัท เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนได้ โดยชี้แจงรายละเอียดเงื่อนไขการมอบฉันทะในการเข้าร่วมประชุมไว้ในเอกสารเชิญประชุม โดยให้ข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งเอกสารที่จัดส่งให้กับผู้ถือหุ้นต่างชาติจะได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ
2. การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ ปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รายย่อย และผู้ถือหุ้นต่างชาติ ไม่มีการปฏิบัติใดๆที่มีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิในการเข้าร่วมประชุมของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นทุกคนย่อมมีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นตลอดระยะเวลาการประชุม ในการประชุมมีการจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอและเหมาะสมในแต่ละวาระ มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกันในการซักถามและแสดงความคิดเห็น และได้ใช้สิทธิแต่งตั้งกรรมการเป็นรายบุคคล
บริษัทฯ จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือหุ้น อธิบายขั้นตอนการลงทะเบียน การเก็บบัตรลงคะแนนเสียง การส่งคำถาม และให้ความช่วยเหลือผู้ถือหุ้นในด้านอื่นๆ และจัดให้มีการเลี้ยงรับรองที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุม
3. การกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน
บริษัทฯ กำหนดให้มีนโยบายในการควบคุมเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลภายในและการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท (INSIDE TRADING) เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและยุติธรรมแก่ผู้ถือหุ้นทุกราย และป้องกันมิให้กรรมการและผู้บริหารหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วงก่อนเปิดเผยงบการเงินแก่สาธารณชน เป็นเวลา 1 เดือน และหลังประกาศงบการเงินเป็นเวลา 3 วัน และกำหนดให้กรรมการและผู้บริหารมีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยรายงานการถือหลักทรัพย์ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัทฯต่อห่วยงานกำกับดูแลให้รับทราบตามเกณฑ์ที่กำหนด และจัดส่งรายงานดังกล่าวให้แก่คณะกรรมการเป็นประจำ ทั้งนี้ หาก กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานรายใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามนโยบายด้านการดูแลการใช้ข้อมูลภายในที่กล่าวข้างต้นนี้ ถือเป็นความผิดทางวินัยตามระเบียบบริษัท และอาจมีโทษตามกฎหมาย
4. การกำกับดูแลด้านความขัดแย้งทางผลประโยชน์และการทำรายการระหว่างกัน
บริษัทมีนโยบายที่จะไม่ให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ใช้โอกาสจากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานบริษัท แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน โดยห้ามไม่ให้มีการประกอบธุรกิจที่แข่งขันกับบริษัทและ หลีกเลี่ยงการทำรายการที่เกี่ยวโยงกับตนเอง หรือบุคคล/นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัท หรือในกรณีที่จำเป็นต้องทำรายการเช่นนั้น คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ดูแลให้บริษัทมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและการเปิดเผยข้อมูลรายการที่เกี่ยวโยงกันตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องทำรายการที่เกี่ยวโยง รายการนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการค้าทั่วไปตามหลักการที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เสมอเหมือนกับการทำรายการกับบุคคลภายนอกและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการค้าทั่วไปซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ต้องผ่านการสอบทานและให้ความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้น
บริษัทตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยส่งเสริมให้มีการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความเป็นธรรม และยึดถือประโยชน์ร่วมกันระหว่างบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ เป็นสำคัญ โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม และห้ามไม่ให้กระทำการใดๆที่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย ดังนี้
3.1 การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มหลักๆของบริษัท
3.2 การปฏิบัติต่อสิทธิมนุษยชน
บริษัทยอมรับในสิทธิความเป็นมนุษย์ของประชาชนทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกหรือคำนึงถึงความแตกต่าง ยอมรับในการใช้สิทธิของพนักงานตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายทั่วไปหรือรัฐธรรมนูญ ตลอดจนจะไม่กระทำการใดๆที่จะเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิ บริษัทมีนโยบายอย่างชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และไม่กระทำการใดที่เป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
3.3 การปฏิบัติเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือลิขสิทธิ์
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากความรู้ ความสามารถของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ บริษัทต้องตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลหรือผลงานต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในบริษัทนั้น จะต้องไม่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นโดยเด็ดขาด บริษัทไม่อนุญาตให้พนักงานใช้ซอฟท์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ ผิดกฎหมาย ในการทำงานในทุกกรณี พนักงานที่ปฏิบัติงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัท จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดจากเจ้าของลิขสิทธิและใช้เฉพาะเท่าที่ได้รับอนุญาตจากบริษัทเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทต้องจัดให้มีช่องทางการรับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยมีกระบวนการจัดการกับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนอย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และโปร่งใส
1. การเปิดเผยข้อมูล
2. ผู้มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูล
3. ผู้สอบบัญชี และการจัดทำรายงานทางการเงิน
งบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยได้รับการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่มีความเป็นอิสระ มีความรู้ความชำนาญ และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด เพื่อให้ความมั่นใจแก่คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นว่างบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยสะท้อนฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทได้ตามความเป็นจริง โดยบริษัทมีนโยบายในการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีทุกรอบระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้การให้ความเห็นของผู้สอบบัญชีมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง
คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่องบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งจัดทำขึ้นตามมาตรฐานและหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป โดยใช้นโยบายการบัญชีที่เหมาะสมตามหลักความระมัดระวัง ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อให้สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทตามความเป็นจริง คณะกรรมการบริษัทจัดให้มีการรายงานผลการดำเนินงาน และเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างโปร่งใสและเพียงพอ โดยรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งให้คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่สอบทานความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของรายงานทางการเงิน รวมทั้งระบบควบคุมภายในให้เป็นไปอย่างเพียงพอและเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่างบการเงินของบริษัทสามารถเชื่อถือได้
1. โครงสร้างคณะกรรมการบริษัท
2. คุณสมบัติของกรรมการ
3. วาระการดำรงตำแหน่งกรรมการ
4. การสรรหากรรมการ
5. หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
6. การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย
คณะกรรมการบริษัทจะแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อช่วยกำกับดูแลและกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญในด้านต่างๆ โดยกำหนดให้รายงานผลการปฏิบัติงานต่อคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำ คณะกรรมการชุดย่อยประกอบด้วย
7. การประชุมคณะกรรมการ
8. เลขานุการบริษัท
เพื่อสนับสนุนและดูแลกิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กำหนดให้เลขานุการบริษัทมีหน้าที่ ดังนี้
9. การประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ
คณะกรรมการได้จัดให้มีการประเมินตนเองในผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ เพื่อให้การประเมินผลสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและใช้เป็นกรอบในการตรวจสอบการปฏิบัติงานในหน้าที่ของคณะกรรมการโดยสม่ำเสมอ และทำการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกปี โดยมีประธานกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการเปรียบเทียบกับบรรทัดฐาน ทั้งนี้ คณะกรรมการได้มีการนำผลการประเมินมาร่วมกันพิจารณาและกำหนดแนวทางปรับปรุงการทำงานต่อไป
10. การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ
คณะกรรมการกำหนดรูปแบบและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ แก่กรรมการที่ชัดเจน และนำเสนอขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น โดยมีคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองจำนวนเงินค่าตอบแทนแต่ละปีอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมอื่นที่เกี่ยวข้องและประโยชน์ที่ได้รับจากกรรมการแต่ละคน โดยให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับที่ปฏิบัติในอุตสาหกรรมเดียวกัน
11. การอบรมและพัฒนาความรู้กรรมการ
กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่จะได้รับทราบข้อมูลบริษัท กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ และข้อมูลธุรกิจที่สำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท และรายงานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบย้อนหลัง มีการแนะนำให้รู้จักคณะกรรมการและผู้บริหาร นอกจากนี้ มีการส่งเสริมให้กรรมการได้รับการอบรมและเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ
12. แผนการสืบทอดงาน
คณะกรรมการกำหนดให้มีแผนการสืบทอดตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เพื่อรักษาความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน องค์กร ตลอดจนพนักงาน เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดให้มีการทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่งเป็นประจำทุกปี
13. การต่อต้านการทุจริต
บริษัทมี “นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชั่น” เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน โดยห้ามกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทดำเนินการหรือยอมรับการคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบทั้งทางตรงหรือทางอ้อม โดยครอบคลุมถึงทุกธุรกิจในทุกประเทศและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีการสอบทานการปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นนี้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทบทวนแนวทางการปฏิบัติ และข้อกำหนดในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ระเบียบ ข้อบังคับ และข้อกำหนดของกฎหมาย
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทอย่างเคร่งครัดด้วยความเข้าใจ ยึดมั่น และยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของวินัยในการปฏิบัติงาน ดูแลและระมัดระวังมิให้ตนเองและผู้ร่วมงานมีการประพฤติที่ขัดต่อจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ โดยกระบวนการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมีดังนี้
กรรมการและผู้บริหาร
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ส่วนงานตรวจสอบภายใน
จรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทถือเป็นส่วนหนึ่งของวินัยที่บุคลากรทุกระดับของบริษัทต้องยึดถือและปฏิบัติตาม โดยมีสาระสำคัญที่ควรทราบดังนี้
“หากการกระทำนั้นขัดต่อสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นให้ยุติการกระทำ”
บริษัทฯ ดำเนินการบริหารความเสี่ยงโดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุกกระบวนการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความเชื่อมโยงกันในทุกระดับ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเข้าทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงในภาพรวม โดยกำหนดนโยบายและขอบเขตการบริหารจัดการความเสี่ยงให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และภาระกิจของบริษัทฯ รวมถึงพัฒนากระบวนการบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและโอกาสการเจริญเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในการประเมินความเสี่ยงบริษัทฯ จำแนกปัจจัยความเสี่ยงหลักๆ ได้ดังนี้
ความเสี่ยงในด้านการดำเนินการผลิต
ความเสี่ยงในกระบวนการผลิต
การผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มีขั้นตอนและเทคนิคในการผลิตที่ซับซ้อน ประกอบกับเทคโนโลยีด้านการผลิตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของบริษัทฯที่ต้องเรียนรู้และปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และทันต่อความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีคณะวิศวกรรมที่ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกันฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงเกิดการแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ และการพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการพิจารณานำเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยเข้ามาแทนที่เครื่องจักรเก่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้วย
ความเสี่ยงในการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ
บริษัทฯ มีความเสี่ยงในด้านการจัดหาบุคลากรสำหรับสายการผลิตที่มีทักษะเฉพาะด้านที่จำเป็น เนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญงานจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการผลิตและคุณภาพสินค้าได้ดังนั้นบริษัทฯ จึงส่งเสริมการฝึกอบรมทางเทคนิคและจัดให้มีการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้เฉพาะด้านและความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่บุคลากร รวมถึงการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมเพื่อจูงใจบุคลากรคุณภาพให้อยู่กับบริษัทฯ ในระยะยาว
ความเสี่ยงในการขาดวัตถุดิบ
การจัดหาวัตถุดิบเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพสินค้า ต้นทุนขาย ผลกำไร และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ โดยที่การขาดแคลนวัตถุดิบอาจนำไปสู่การหยุดผลิต การปรับขึ้นของราคาวัตถุดิบอาจทำให้ต้นทุนขายสูงขึ้นและผลกำไรลดลง ขณะที่การใช้วัตถุดิบด้อยคุณภาพในการผลิตอาจนำไปสู่การสูญเสียความน่าเชื่อถือของบริษัทฯได้ บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว จึงลงทุนสร้างโรงงานผลิตวัตถุดิบหลักที่จำเป็นในการผลิต PCB ได้แก่ แผ่นลามิเนตและพรีเพกสำหรับใช้เองภายในกลุ่มบริษัทฯ จัดตั้งในนามของบริษัทไทยลามิเนต แมนูแฟคเจอเรอร์ (TLM) เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพและคุณสมบัติครบถ้วนเพียงพอตามแผนการผลิต
นอกจากนี้ ในปี 2555 บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนใน บริษัท เคมโทรนิคส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (“เคมโทรนิคส์”) ซึ่งเป็นผู้ผลิตหมึกพิมพ์ลายแผงวงจรไฟฟ้าและน้ำยาเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตแผงวงจรไฟฟ้า ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทฯ มีแหล่งผลิตน้ำยาเคมีที่สำคัญไว้ใช้เอง ยังช่วยให้บริษัทฯ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียจากโรงงานและสามารถ Recycleน้ำยาเคมีที่ใช้แล้วกลับมาใช้ได้อีก และในปีเดียวกันนั้นเอง บริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท เคซีอี ไต้หวัน จำกัด เพื่อให้เป็นตัวแทนในการจัดหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ รวมถึงการหาซื้อเครื่องจักรในต่างประเทศให้กับกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีวัตถุดิบในการผลิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และได้รับประโยชน์จากอำนาจต่อรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับวัตถุดิบ
ความเสี่ยงเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบ
สำหรับวัตถุดิบที่มีทองแดงหรือทองเป็นส่วนประกอบหลัก จะมีราคาผันผวนตามสถานการณ์ในตลาดโลก เช่น แผ่นลามิเนต(Laminate) แผ่นทองแดง (Copper Foil) ก้อนทองแดง (Copper anode) และ เกลือทอง(Gold Salt) เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว มีความผันผวนตามสถานการณ์ตลาดโลก บริษัทฯ จึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และมีนโยบายใช้เครื่องมือทางการเงินในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาทองแดงและราคาทองไว้ในปริมาณที่เหมาะสม ตามสถานการณ์ที่จำเป็น ประกอบกับบริษัทฯ มีการสำรองวัตถุดิบหลักไว้ในปริมาณที่เพียงพอเหมาะสมกับแผนการผลิตในแต่ละช่วงเวลาด้วย
สำหรับการจัดซื้อวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นในการผลิตรายการอื่นๆ บริษัทฯ มีการคัดเลือกผู้ผลิตหรือผู้ขายวัตถุดิบแต่ละรายการไว้อย่างน้อย 3 บริษัท และจัดให้มีการเสนอราคาใหม่อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีการแข่งขันด้านราคา นอกจากนี้บริษัทฯ มีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตหรือผู้ขายอย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
PCB เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีหรือสินค้าชนิดใดมาแทนที่การใช้ PCB ได้ อย่างไรก็ดีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในอนาคตจะมีขนาดเล็กลงมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น และมีความละเอียดซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้น INTERGRATED DESIGN ทำให้เกิดความต้องการ PCB ที่มีขนาดที่เล็กลง มีลายวงจรที่ละเอียดซับซ้อนมากขึ้น และมีจำนวนชั้น (Layer) ของแผ่นวงจรที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคการผลิตที่ต้องการทักษะในการผลิตสูง เพื่อให้ได้ PCB ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพตามต้องการ นอกจากนั้นยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่นการใช้ Laminate ที่เป็น Halogen-Free หรือ ใช้ Lead-Free ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือวัตถุดิบที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมของการใช้งานที่มีการแปรเปลี่ยนอุณหภูมิที่สูงและอย่างรวดเร็ว (HIGH PERFORMANCE MATERIAL) โดยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เป็นความเสี่ยงของอุตสาหกรรม PCB ในระยะสั้น จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบผลิตภัณฑ์ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต หรือ การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหรือประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต PCB ซึ่งอาจทำให้บริษัทฯต้องลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิต รายได้ และผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่บ้าง แต่บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ผ่านการลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามาโดยตลอด ขณะที่บริษัทฯ มุ่งเน้นที่การผลิตสินค้าคุณภาพระดับคุณภาพปานกลางถึงคุณภาพสูงที่เทคโนโลยีการผลิตไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากนัก และการให้ความสำคัญต่อกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้า การส่งสินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้า การให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรักษาสัมพันธภาพอันดีกับลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมไว้ได้ และมีการปรับตัวตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ
ความเสี่ยงในด้านการประกอบธุรกิจ
ความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลก
การเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจโลกและสภาวะของอุตสาหกรรมอื่นที่มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบ เช่นอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านอื่นๆ และอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อยอดขายหรือราคาสินค้าของของกลุ่มบริษัทฯได้
กลุ่มบริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเน้นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอและผู้ซื้อมักจะให้ความสำคัญด้านคุณภาพของสินค้าเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เพื่อการกระจายความเสี่ยงบริษัทฯ ได้เริ่มกระจายการผลิตไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นด้วย เช่น ในกลุ่มอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม กลุ่มอุปกรณ์โทรคมนาคม กลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และกลุ่มสินค้าอุปโภค เป็นต้น
ความเสี่ยงทางด้านการตลาด และการแข่งขันทางธุรกิจ
ความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดอาจเกิดได้จากปัจจัยภายในประเทศของตลาดผู้ซื้อเอง เช่น จากภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง นโยบายการค้าระหว่างประเทศ สงคราม การก่อการร้าย เป็นต้น และรวมถึงปัจจัยในระดับองค์กรของลูกค้า เช่น มีการควบรวมกิจการ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดซื้อ เป็นต้น บริษัทฯ จึงมีนโยบายกระจายสัดส่วนการตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมหลายประเภท แม้ว่าจะคงสัดส่วนการ ตลาดส่วนใหญ่ไว้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้กระจายการขายสินค้าไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก เช่น ในยุโรป อเมริกา และเอเซีย
ส่วนความเสี่ยงทางด้านการแข่งขันทางธุรกิจนั้น ในด้านหนึ่งจะเป็นการแข่งขันด้านราคา ซึ่งคู่แข่งของบริษัทฯ จะเป็นผู้ผลิตในประเทศจีนและไต้หวัน ซึ่งเป็นปัญหาของผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก รวมถึงบริษัทด้วย แม้ว่าบริษัทฯจะไม่ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับผู้ผลิตในประเทศจีนเพราะมีตลาดเป้าหมายคนละกลุ่ม ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นการแข่งขันกับผู้ผลิตPCB ในยุโรปที่ถูกมองว่ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าและมีคุณภาพสูงกว่า PCB ที่ผลิตในประเทศไทย อีกทั้งยังมีแหล่งผลิตในยุโรปเองซึ่งการขนส่งทำได้สะดวกกว่า อย่างไรก็ดี จากการที่ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ถูกกดดันเรื่องต้นทุนทำให้ต้องหันมาหาซื้อของถูกที่มีคุณภาพในตลาดเอเซียมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิต PCB จากยุโรปและอเมริกามาทางเอเซียอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่งของบริษัทฯ ในยุโรปค่อยๆลดขนาดของธุรกิจลง และจนถึงปัจจุบันก็มีการปิดกิจการไปแล้วหลายแห่ง
ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงกลุ่มสินค้าหรือกลุ่มลูกค้า
บริษัทฯ ขายผลิตภัณฑ์ PCB สำหรับส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ในสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 70 โดยส่งไปขายในตลาดยุโรป ประมาณร้อยละ 55 จากการพึ่งพิงรายได้ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และตลาดยุโรป อาจเป็นผลให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงลดลงของความต้องการในสินค้าจากกลุ่มสินค้าหรือตลาดดังกล่าวได้ อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ปกติอุตสาหกรรมยานยนต์จัดว่าเป็นตลาดที่มีความผันผวนน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดสินค้าอุปโภค หรือตลาดอิเล็กทรอนิกส์โทรคมนาคมซึ่งบริษัทไม่ได้มีนโยบายในการผลิตสินค้าประเภทดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคเอเซียมากขึ้น และเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าอุปโภคระดับคุณภาพสูง และกลุ่มสินค้าที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพิงรายได้ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดยุโรปลงได้บ้าง
ความเสี่ยงจากอัคคีภัยและภัยธรรมชาติ
อัคคีภัยและภัยธรรมชาติอาจส่งผลเสียหายต่อการดำเนินงานของบริษัทฯได้เป็นอย่างมาก และอาจทำให้บริษัทฯ ต้องเสียลูกค้าไปให้คู่แข่ง ในบางกรณี บริษัทฯ อาจต้องหยุดการผลิตซึ่งจะทำให้สูญเสียรายได้ อีกทั้งต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูเพื่อให้กลับมาดำเนินการผลิตอีกได้ ดังนั้นบริษัทฯ และบริษัทย่อยทุกแห่ง จึงทำประกันการเสี่ยงภัยทุกชนิดและประกันธุรกิจหยุกชะงักไว้กับบริษัทประกันภัยที่มีฐานะทางการเงินแข็งแรง และมีการทบทวนกรมธรรม์ประกันภัยทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่ามีทุนประกันที่เหมาะสมและสามารถคุ้มครองความเสียหายได้อย่างเพียงพอในทุกกรณี
หลังจากที่เกิดมหาอุทกภัยในปี 2554 นิคมอุตสาหกรรมไฮ-เทค ได้สร้างเขื่อนถาวรเพื่อป้องกันน้ำท่วมรอบนิคมฯปัจจุบันสร้างเสร็จเรียบร้อยโดยคาดว่าเขื่อนจะสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในระดับที่เคยเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ได้มีการออกแบบอาคารโดยคำนึงถึงสถานการณ์น้ำท่วมไว้ด้วย เช่นการยกพื้นอาคารให้สูงเกินระดับน้ำที่อาจท่วมถึง เป็นต้น
ความเสี่ยงทางด้านการเงิน
ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยอันเกี่ยวกับเงินฝากธนาคารและสถาบันการเงิน เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร และเงินกู้ยืมจากธนาคาร โดยความเสี่ยงด้านเงินฝากอยู่ในรูปของอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินบาท ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินกู้ยืมอยู่ในรูปของอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินบาท สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และ สกุลเงินยูโร ที่กู้ยืมมาเพื่อใช้ลงทุนในแหล่งใช้ไประยะสั้นและยาว ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมส่วนใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับอัตราที่ต่ำ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินยูโรที่มีแนวโน้มคงที่ในอัตราต่ำไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ส่วนอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และสกุลเงินบาทมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาวนับจากปลายปี 2558 กลุ่มบริษัทจึงมีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯมีการติดตามความเคลื่อนไหวและแนวโน้มของตลาดเงินอย่างใกล้ชิด และ มีนโยบายกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงที่ในระดับต่ำ รวมถึงใช้เครื่องมืออนุพันธ์ทางการเงิน เช่น Interest Rate Swap (“IRS”) หรือ Cross Currency Swap (“CCS”) เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยของหนี้สินระยะยาว โดยพิจารณาต้นทุนและยอดดอกเบี้ยจ่ายล่วงหน้า (Negative Carry) ที่เหมาะสมและอยู่ในสัดส่วนที่มีความยืดหยุ่นเพียงพอในการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัทฯ มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจาก รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ตลอดจน ต้นทุน ค่าซื้อวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายการลงทุนในเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงหนี้สินบางส่วนเป็นเงินสกุลต่างประเทศ โดยประมาณร้อยละ 75 ของรายได้ และประมาณร้อยละ 50 ของต้นทุน ค่าวัตถุดิบ และค่าใช้จ่าย อยู่ในรูปของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรขาดทุนของบริษัทฯ ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯจึงได้ 1) มีการพัฒนาโปรแกรมทางการเงินให้สามารถแสดงสถานะความเสี่ยงเป็นรายสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา และให้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อย่างใกล้ชิด 2) ใช้หลัก Natural Hedge ในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งได้แก่การนำเงินได้จากการขายสินค้าไปชำระค่าใช้จ่าย ค่าต้นทุนวัตถุดิบ เงินลงทุน และ หนี้เงินกู้ยืมอยู่ในรูปสกุลเงินเดียวกัน ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) วางแผนทางการเงินเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นโดยใช้เครื่องมืออนุพันธ์ทางการเงินต่างๆ เช่น การซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) การเข้าทำ SWAP และ Option เป็นต้น
ทั้งนี้ในการบริหารความเสี่ยง บริษัทฯใช้หลักความระมัดระวังเพื่อการป้องกันความเสี่ยงเป็นหลัก และไม่ทำการในลักษณะเพื่อการเก็งกำไร
ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระค่าสินค้าจากตัวแทนจำหน่าย
บริษัทฯ ขายสินค้าผ่านตัวแทนขายของบริษัทฯ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของรายได้จากการขายทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการขายไปยังลูกค้าโดยตรง โดยให้บริษัทตัวแทนเป็นผู้ติดตามการชำระเงินค่าสินค้าจากลูกค้าแล้วนำส่งให้แก่บริษัทตามตารางเวลาที่ได้ตกลงกัน ทำให้บริษัทอาจมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงิน หรือ ได้รับชำระเงินล่าช้าทั้งจากตัวแทนและจากลูกค้า ซึ่งจะกระทบกับสภาพคล่องและการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระหนี้นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ เนื่องจากบริษัทตัวแทนหลายแห่งเป็นบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมของกลุ่มบริษัท ส่วนบริษัทตัวแทนรายอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทนั้น ก็มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี นอกจากนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ของกลุ่มบริษัทเป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่มีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง ทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงน้อยที่จะไม่ได้รับชำระหนี้จากบริษัทตัวแทนขาย สำหรับความเสี่ยงจากการชำระหนี้ล่าช้านั้น บริษัทฯ ได้จัดให้มีพนักงานรับผิดชอบติดตามบริหารยอดหนี้ค้างชำระกับตัวแทนอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยง
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการกำกับดูแลกิการที่ดีของเคซีอี จึงกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม โดยให้คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน ยึดถือปฏิบัติเป็นค่านิยมขององค์กร เพื่อให้การบริหารและการปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ชัดเจน เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่ม ซึ่งจะเป็นรากฐานสู่การพัฒนาและความเจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“จรรยาบรรณ” เป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินธุรกิจ และเป็นมาตรฐานความประพฤติที่บุคลากรทุกคนของเคซีอีพึงกระทำ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ในทุกภาคส่วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายใต้กรอบคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความเสมอภาค และเท่าเทียม ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงได้กำหนดจรรยาบรรณเป็นแนวทางไว้ดังนี้
จรรยาบรรณของกรรมการและผู้บริหาร
เพื่อเป็นแบบอย่างแก่พนักงานในการประพฤติและปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต ตลอดจนดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค กรรมการ ผู้บริหาร ต้องยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดในจรรยาบรรณหลัก ดังนี้
จรรยาบรรณของพนักงาน
จรรยาบรรณต่อผู้มีส่วนได้เสีย
เพื่อส่งเสริมให้บริษัทเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ ของบริษัทโดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1. นโยบายการเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน
2. นโยบายการเก็บรักษาและการใช้ข้อมูลภายใน
3. นโยบายด้านความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบริษัท
4. นโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญา
5. นโยบายด้านความปลอดภัยสารสนเทศ
6. นโยบายการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
7. นโยบายการต่อต้านการทุจริต
8. นโยบายด้านสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
9. นโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน
10. นโยบายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
11. นโยบายด้านการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายใน
12. นโยบายการมีส่วนร่วมทางการเมือง
13. นโยบายด้านการฝึกอบรมและพัฒนา
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการกำกับดูแลกิจการ ดังนั้น ในกรณีที่พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ มีข้อสงสัย หรือพบเห็นการกระทำที่สงสัยว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ จรรยาบรรณ หรือนโยบายการกำกับดูแลกิจการ สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียน พร้อมส่งรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ถึงบริษัท หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่องทางการติดต่อ ดังนี้
ติดต่อ: คณะกรรมการตรวจสอบ
อีเมลล์ : | information@kce.co.th คณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) |
ไปรษณีย์ : | 72 - 72/1-3 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซอยฉลองกรุง 31 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520 |
บริษัทจะไม่กระทำการใดอันไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นใดที่รับจ้างทำงานให้แก่บริษัท ไม่ว่าจะโดยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน ลักษณะงาน หรือสถานที่ทำงาน สั่งพักงาน ข่มขู่ รบกวนการปฏิบัติงาน เลิกจ้าง หรือกระทำการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบุคคลดังกล่าว ด้วยเหตุที่บุคคลนั้น
บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักเกณฑ์การประเมินของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในระดับ “ดีเลิศ” Excellent CG Scoring ในปี 2558 และ ปี 2559 โดยมีสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors Association; IOD) เป็นผู้ประเมิน ซึ่งจากผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัททุกปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรมการบริษัทฯ ฝ่ายบริหาร และพนักงานทุกคนที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
คุณธัญรัตน์ เทศน์สาลี | |
ที่อยู่ : | เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 72 - 72/1-3 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520 ประเทศไทย |
โทรศัพท์: | +66 (0) 2326-0196-9 ต่อ 1201 |
โทรสาร: | +66 (0) 2326-0300 |
อีเมลล์: | tanyarat@kce.co.th |